วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556

มหาธรรมฟ้าปางก่อน - 關聖帝君慈悲


สามศาสนาหลักเดียวกัน
พระโอวาทกวนเซิ่งตี้จวินเมตตา (关圣帝君)

มหาธรรมฟ้าปางก่อน เป็นสุญตาและศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
การผันแปรของจักรวาล มีธรรมเป็นหลัก
จากสุญตาก่อเกิดทวิภาวะ
จนกลายเป็นปากว้า(แผนภูมิปฐพีแปด - โป๊ยก่วย) คือแกนกลางขับเคลื่อนสรรพสิ่ง
พระวจนะแห่งสามศาสนาแฝงด้วยความหมายอันลึกล้ำ
ใครเล่าจะรู้แจ้งปริศนาการสร้างสรรค์อันแยบยล

ดำรงจิตหล่อเลี้ยงธรรมญาณ
ประคองความเป็นกลางหนึ่งแจ้งแทงตลอด
รากฐานของศาสนาปราชญ์
เห็นชาวประชาดั่งพี่น้อง เห็นสรรพสิ่งคือเหล่าเดียวกัน
ส่งเสริมคุณสัมพันธ์ห้า ทำสุดกำลัง เอาใจเขามาใส่ใจเรา
สรรค์สร้างและหล่อเลี้ยงสรรพสิ่งร่วมกับฟ้าดินได้
ศึกษาให้ึถึงแก่นธรรมเข้าถึงธรรมญาณ ฟ้าและคนร่วมสมานกัน
หลักทางสายกลางแต่ไรมาไม่อาจเปลี่ยนแปลง

กระจ่างจิต แจ้งธรรมญาณ
สรรพธรรมคืนสู่ความเป็นหนึ่ง
หลักคำสอนของพระพุทธองค์ จิตว่างไร้อาสวะ
เมตตาปกโปรดมวลเวไนย ขจัดสามใจ สี่ลักษณะ
ชูดอกไม้แสดงปริศนา ณ เขาคิชกูฎ
วัชรสูตรยิ่งนานวันยิ่งจำรัส

บำเพ็ญจิตเคี่ยวกรำธรรมญาณ
สำรวมจิตรักษาความเป็นหนึ่ง
อุดมคติแห่งเหลาจื่อ เมื่อวิสุทธิ์สงบสรรพสิ่งคืนสู่จิตเดิม
ดำเนินอย่างไม่หมายมั่นเจาะจง ร่วมสรรค์สร้างและหล่อเลี้ยงสรรพสิ่ง
การถอยคือการรุกแม้จะแกร่งก็ต้องรู้อ่อนน้อม
อัศจรรย์ดุจมังกรบนฟ้า
เต้าเต๋อจิงกล่าวไว้ ความนิ่งและเคลื่อนไหวแฝงด้วยความแยบยลแห่งธรรมชาติ

พึงเข้าใจให้ถ่องแท้
สามศาสนามาจากต้นกำเนิดเดียวกัน
เหล่าสานุศิษย์ที่ไม่เข้าใจ ต่างแยกตัวตั้งนิกาย
ไม่เทศน์ธรรมซ้ำยังใส่ร้ายกัน ช่างน่าสงสารและเศร้าใจนัก
ทุกศาสนาล้วนมีจุดประสงค์เดียวกัน
แต่กลับเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ทำให้เกิดความมืดมน

เซียนพุทธะ เทพอริยะ เสียสละตนฉุดช่วยเวไนย
มารทดสอบนานัปการผ่านไปทีละด่าน
แม้ว่าศาสนาจะต่างกันแต่หลักธรรมเดียวกัน
คุณประโยชน์เสมอกันไม่มีใครสูงใครต่ำ
ถกเถียงกันไม่ใช่ว่าจะดี
สงบนิ่งลงแล้วไม่สัมผัสรู้เอง
สร้างกุศลจริงบ่มเพาะคุณธรรมจึงเป็นหลักสำคัญ

น้ำมีต้นธาร ไม้มีรากเหง้า
มนุษย์ผู้เป็นสัตว์ประเสริฐ คือหนึ่งในสามคุณ
จิตใจเวิ้งว้างและเหนื่อยล้า เพื่อกายสังขารจิตลุ่มหลง
เรื่องเกิดตายช่างเลือนลางไร้ที่พึ่ง
แต่ละคนเมื่อใกล้ตายน้ำตาร่วงริน

ในเมื่อกราบวิสุทธิอาจารย์ รับหนึ่งจุดชี้รู้ที่มาที่ไป
ผิดบาปที่ผ่านมา ทีละอย่างๆ ชะล้างสิ้น
บ่มเพาะจิตย้อนมองส่องตน ตั้งอกตั้งใจฉุดช่วยชาวโลก
สามมิเสื่อม คืองานอันแท้จริง
เกริกก้องสะท้านพิภพชั่วนิรันดร์

อันชื่อเสียงลาภยศร่ำรวยสูงศักดิ์ ทั้งต่ำแหน่งอำมาตย์เสนาบดี
จากอดีตกาลจวบจนบัดนี้ ชาวโลกมุ่งไขว่คว้า
แม้ชีวายังยอมทิ้ง โลภเสพสุขกับสิ่งตรงหน้า
เหน็ดเหนื่อยตรากตรำอย่างไร้แก่นสาร
จนสุดท้ายลาภยศชื่อเสียงบรรดาศักดิ์ดั่งควันจางหายไป

เมตตา มโนธรรม จงรักภักดี สัจจะ ใจบุญสุนทาน
มหาบุรุษจากอดีตถึงปัจจุบัน
ต่างยึดถือสิ่งเหล่านี้เป็นหน้าที่ตน
บากบั่นต่อสู้เป็นตายไม่ใส่ใจ
ฉุดช่วยผู้คนทั่วหล้าถือเป็นหน้าที่ตน
ช่างสูงส่งยิ่งแม้ทั้งชีวิตไม่เหลือสิ่งใด
แต่บรรลุสู่อริยะฐานะระบือนามชั่วนิรันดร์

อริยะฐานะกับบรรดาศักดิ์ทางโลก แยกแยะละเอียดชัด
บุญวาสนาทางโลกนั้นแสนสั้นและสูญไปง่าย
บุญวาสนาทางธรรมนี่สิไม่จางหาย
สละสิ่งที่ไม่สำคัญเลือกทำในสิ่งที่สำคัญ
จึงนับได้ว่าเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์
สุขในธรรมเจริญตามสุภาพชน
ชี้ตรงใจคนพร่ำสอนกล่อมเกลาแปรเปลี่ยนโลกีย์ชน

การที่ได้เป็นสัตว์ประเสริฐ อีกทั้งยังได้เป็นศิษย์พระอาจารย์
ภายนอกดูโง่เขลาแต่แฝงด้วยปัญญา
อยู่อย่างสบายอกสบายใจ
เผชิญต่อการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างโดยไม่หวั่นไหว
เลือกทางที่เหมาะแล้วรักษาไว้
ไม่ว่าผองมารผจญจะขอฝ่าฟันมุ่งไป
ปรับแปรตามสภาพจิตหนึ่งใจเดียวเจริญตามพระอาจารย์





1 ความคิดเห็น:

  1. อนุตรธรรม​ ไม่เกี่ยวอะไรกับพระพุทธ​ศาสนา​ อ้างพระพุทธเจ้า​ พระองค์ไม่เคยบอกถึงพระแม่องค์ธรรม​ ไม่เคยให้เข้าทรง​ ไม่เคยบอกให้งมงาย​

    ตอบลบ