วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

ธรรมะ ก่อกำเนิด ฟ้า ดิน - พระโอวาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่านไท้เสียงเล่ากุง


"ธรรมะ" ก่อกำเนิด ฟ้า-ดิน 

         ความอัศจรรย์ของฟ้า-ดิน นอกจากผู้บรรลุสัทธรรม แล้ว ทั่วๆ ไปก็เพียงรู้ครึ่งๆ กลางๆ คาดเดาตามเหตุผล โชควาสนาที่มี การโปรดสัตว์อันยิ่งใหญ่ ความลี้ลับอัศจรรย์แห่งวิถีโคจรของฟ้า-ดิน จึง ถูก เปิด เผย ใจข้าห่วงใยสรรพสัตว์ ที่ไม่สามารถจดจำหลักการที่จะกลับสู่ความจริง

ดังนั้นจึงขอถือโอกาสนี้เปิด เผยกิจ "ความเป็นมาของฟ้าดิน" ให้แก่ชาวโลก เพี่อผลในการโปรดสัตว์ อันว่า ฟ้าอยู่สูง แผ่นดินอยู่ต่ำ มนุษย์อยู่เบื้องกลาง ทั้งสามสิ่ง สมบูรณ์ก็ก่อเกิดสากลโลก นับตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ฟ้า-ดิน สุริยัน-จันทรา ยังเป็นเอกภาพ ไม่มิการแบ่งแยก ในขณะนั้นด้วยพลังปราณแท้แต่ปาง ก่อนของจอมปราชญ์ พระพุทธเจ้า พระวิสุทธิเทพ พระมหาจอมมุนี อันนับเป็นจำนวนเป็นโกฏิๆ พระองค์ที่มีปราณอันบริสุทธิต่างพร้อมใจกัน เปล่งรัศมีสุดประมาณหมุนเคลื่อนอวกาศ ท่านเหล่านั้นคือ "พระมหาบุรุษจอมราชัน" ที่สถิตอยู่เบื้องสูงสุด หรือถูกยกย่องว่าเป็น "พระผู้เป็นเจ้า" และเนื่องจากเป็นที่กำเนิดแห่งสรรพสิง จึงขนานอีกพระนาม หนึ่งว่า "บิดาสวรรค์ องค์ธรรมมารดา" เนื่องจากไม่ทราบพระนาม จึงเรียกว่า "ความลี้ลับมหัศจรรย์" เนื่องจากไม่ทราบที่มาจึงเรียกว่า "องค์ปฐม" นั้น คือ ที่มาของ "มหาสัทธรรม" 

เริ่มจากไม่มีชื่อ "เริ่ม" เมื่อได้มีการหมุนเคลื่อนได้ครบรอบวงกลม เอกธาตุลูกแบ่งแยก จึงแปรเป็นไตรวิสุทธิ์ อันได้แก่

พระวรวิสุทธิ์องค์ปฐม พระอุตตรวิสุทธิรัตนญาณ และพระมหาวิสุทธิธรรม 

เมื่อพระทั้งสามองค์ประสานเป็นกายเดียวแล้วก็กลายเป็นองค์สมบูรณ์ จากไตรวิสุทธิ์นี้ แยกออกเป็นรูป วิสุทธิธาตุที่เบา จึงลอยสู่เบื้องบน วาระกาลจี้อ(ชวด) เป็นการเบิกฟ้า กำเนิดดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว ธาตุวิเศษสามสิ่งจึงสำเร็จลง จากนั้นพระไตรวิสุทธิ์ก็ได้อวตารเป็น..."ห้าอาวุโส" 

อันมีอาวุโสทั้ง ๕ ...บิดาธาตุไม้อยู่ทางตะวันออก มารดาธาตุทองอยู่ทางตะวันตก อาวุโสธาตุไฟอยู่ทางทิศใต้ อาวุโสธาตุนํ้าอยู่ทางทิศเหนือ และอาวุโสพระธรณีอยู่ศูนย์กลาง 

นั่นคือ "ห้าอาวุโส" เมื่อทั้ง ห้าอาวุโสอยู่ครบ ธาตุที่ขุ่นและหนักก็ตกลงสู่เบึ้องล่าง เมื่อได้วาระกาลทิ้ว (ฉลู) จึงเกิดแผ่นดินขึ้น เมื่อมีฟ้า-ดินแล้ว แต่ไม่มีเผ่าพันธุ์มนุษย์ มหาบุรุษจอมราชัน...จึงทำสมาธิเดินธาตุบริสุทธิ์ให้ทั้งห้าธาตุอาวุโสจัดสร้างมนุษย์

เมื่อจักรวาลสำเร็จลง...แต่ยังไม่มีมนุษย์ ดังนั้นทั้งห้าอาวุโสจึงแบ่งวิญญาณธาตุ ทั้งห้าอาวุโสเมื่อได้รับพระประสงค์แล้วก็ได้ให้ แม่ธาตุทอง กับ บิดาธาตุไม้ จัดแจงให้ธรรมญาณไปเกิด ขณะนั้น ทั้งห้าอาวุโสได้เลือกเขาสิเนรุเป็นศูนย์กลาง เสาะหาถํ้าที่อยู่อาศัย นำเอาดินสิเหลืองปั้น เป็นหม้อต่างครรภ์ ทำฝาครอบกลมๆ ปิดลง และทำที่หนุนทั้งสี่มุมจัดตั้งให้เรียบร้อย บิดาธาตุไม้ได้สกัดเอาโลหะจากหิน ทำเป็นสามขาต่างเป็นขาหยั่งไว้ตั้งกระทะ แม่ธาตุทองเก็บดินห้าสี จากทิศตะวันตกเฉียงใต้ ปั้นเป็นเตารูปจันทร์เสี้ยว มีนํ้าตัดหินผ่านภูผาได้หินงามประหลาด คลุกกับน้ำแล้วกอบไว้ในเตา เอาหม้อดินวางไว้ข้างใน ด้านบนตั้งกระทะทองไว้ เอาแท่นไม้แห้งจากทางใต้ใช้ไฟจริง (พลังจิต) ต้มนํ้านั้น ชัวครู่เดียว ความร้อนได้ขับดันไอ (ธาตุแท้) ออกมา จนกระทั่งสงบจึงหยดธาตุ (โทฮั้ว) ลงสู่ในหม้อ ใต้หม้อยังมีไอ (ธาตุ) เล็ดรอดออกมา ส่วนที่ดูดซับน้ำได้หุ้มธาตุทอง (กิมฮั้ว) มีการยุบๆ พองๆ โดยธรรมชาต ระดับน้ำ ขึ้นๆ ลงๆ ภายในเต็มล้นและอิ่มเอิบ

"ห้าอาวุโส" สามารถล่วงรู้ถึงเหตุการณ์อันสำคัญว่า ส่วนศีรษะแดงได้เชื่อมติดแน่นแล้ว จึงรื้อเตาออก อุ้มหม้อออกมาดู รัศมีเปล่งประกายรอบๆ อยู่ถึงเจ็ดวันจึงหยุดลง ท่านอาวุโส ธาตุดิน ธาตุไฟ และธาตุน้ำ ขึ้นนั่งในที่สูงคอยดูอย่างตั้งใจ (พ่อ)-ธาตุไม้ และ (แม่)-ธาตุทอง จึงก่อเตาขึ้นใหม่นำหม้อขึ้นตั้งบนเตาใหม่ ยามเช้าเกรงว่าจะหนาวจึงสุมเปลวแดดไว้ข้างล่าง ยามเย็นก็เกรงว่าจะแห้งจึงหยดน้ำธาตุ (ไท้อิก) ด้านบน

ทั้งอาวุโสธาตุไม้(พ่อ)และ ธาตุทอง(แม่) ได้อาศัยวิธีหลอมทองให้เป็นรูป(กิมเอ๊กเลี่ยงเฮ้ง) จนกระทั่งคงไว้แต่ญาณ เพื่อเพิ่มพลังจิตให้ลืมความกังวลและความคิดต่างๆ คงสภาพไว้เฉยๆ คอยเพิ่มหรือลดพลังจิตตามจังหวะจนกระทั่งแล้วเสร็จ รอคอยให้ครบกำหนด เมื่อถึงเวลาที่ครบกำหนดแล้ว ปรากฏมีเมฆสีต่างๆ ลอยอยู่เบื้องบน น้ำมนต์ก็ปะพรมลงสู่เขาสิเนรุ ได้ยินเสียงจากในกระทะ ทั้งอาวุโสไม้(พ่อ)และ อาวุโสทอง(แม่)ต่างรู้ว่า ทารกน้อยได้กำเนิดแล้ว เมื่อเปิดฝาบนออกดู จึงเห็นมีของสิ่งหนึ่งกอดรัดอยู่ อาวุโสทองจึงเอามืออุ้มออกมาคนหนึ่ง มองเห็นเป็น...ทารกเพศชาย อาวุโสไม้อุ้มอีกคนหนึ่งขึ้นมา ปรากฏเป็น...ทารกเพศหญิง ทั้งสองยิ้มร่าแล้วกระโดดออกจากกระทะ นึ่คือบรรพชนในอดีต นามว่า มหาบุรุษ (ไท้เฮี้ยง) และวรสตรี (เง็กนึ่ง) อีกนัยหนึ่งคือ...อาดัมกับอีวา ซึ่งเป็นต้นกำเนิดเผ่าพันธุ์มนุษย์ นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา...

และในขณะที่ ธาตุบริสุทธิ์ทั้งห้าทิศ(อาวุโสทั้งห้า)ให้กำเนิดมนุษย์ ก็มีธาตุที่ไม่บริสุทธิ์ ซึมแผ่ออกมาด้วย คลุมทั่วพื้นพิภพ ทำให้เกิดสัตว์ต่างๆ เช่น พวกสัตว์ปีก พวกพืช และยังมีพวกโลหะ มีแม่น้ำ ทะเล มหาสมุทร ไฟฟ้าในอากาศและหินไฟ รวมทั้งฝุ่นละอองและสัตว์ต่างๆ

คัมภีร์ที่ปั้นดินเสกให้เป็นคน ก็เกิดจากที่นึ่ ร่างกายคนที่แท้ทำจากดิน...ดินให้กำเนิด ก็ต้องอยู่กับดินไปตลอด ดังนั้นเมื่อตายลงขันธ์ก็ต้องคืนสู่ดินอีก การสร้างโลกจึงสำเร็จลง ทารกทั้งชายหญิงจึงจุติจากสวรรค์มาสู่โลก เริ่มแรกมนุษย์ยังมีกายบริสุทธิ์ เมื่อผ่านไปนานวันเข้าเนื่องจากจิตธาตุแท้ธรรมญาณได้เสพสิ่งหลงติดในโลกทั้งในที่สว่าง-ที่มืดมิด (หยิน-หยาง) ผสมผสาน ดังนั้น มนุษย์จึงเกิดแล้วเกิดอีก(เวียนว่ายตายเกิด) ทั้งหมดนี้เริ่มจากที่ไร้ขอบเขต(อู๋จี๋ หรือ บ้อเก๊ก) เกิดการเคลื่อนที่ทำให้เกิดขอบเขตอันไพศาล(ไท่จี๋ หรือ ไท้เก๊ก) ขอบเขตอันไพศาลนี้มีทั้งในที่สว่าง-ที่มืดมีด หยินหยาง (อิม-เอี้ยง) ทำให้เกิดสรรพสิ่ง...เริ่มจากหนึ่ง หนึ่งแพร่กระจายเป็นหมื่นๆ ดังนั้น คำว่า "สรรพสัตว์" จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "วิญญาณ ๙๖ ดวง" หมายความถึง ลักษณะฟ้าเก้าส่วน ดินหกส่วน ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด 

ธาตุทั้งห้า(อาวุโสทั้งห้า)ก่อกำเนิดธรรมญาณเดิม แต่ละดวงมีธาตุแท้ ดังนั้น...มนุษย์จึงมีอวัยวะภายในครบทั้งห้า มีธาตุทั้งห้าแข็งแรงล้วนเป็นพระคุณของธาตุทั้งห้า(อาวุโสทั้งห้า) ในโลกนี้มีผิวพรรณต่างๆ กันทั้งห้าสิในทิศทางต่างๆ ทิศตะวันออกสีผิวเขียว ทิศตะวันตกสีผิวขาว ทิศใต้สีผิวแดง ทิศเหนือสีผิวดำ ทิศเบึ้องกลางสีผิวเหลือง ก็เหมือนดินเหนียวที่เผาอยู่ในเตา ความแรงของไฟไม่เท่ากัน ทำให้เกิดแสงสีทั้งห้า 

ธรรมญาณเดิมจุติสู่โลก เริ่มแรกจิตเดิมแท้บริสุทธิ์ มีใบไม้พันกาย จิตจึงเป็นจิตเดิม ไม่คำนึงถึงสิงอื่นใด ดังนั้น พอมนุษย์ตายลงแล้วก็กลับคืนสู่สวรรค์ แต่ทว่าจิตได้หมกมุ่นอยู่ในแผ่นดินนานเข้า ชาติพันธ์และธรรมญาณแปรเปลี่ยน ในสมัยโบราณยุคกลาง ธรรมญาณไม่บริสุทธิ์ เมื่อมนุษย์ตายลงธรรมญาณจึงไม่สามารถกลับคืนสู่นิพพานบ้านเดิม จิตญาณที่มีบาปจึงตกต่ำ ดังนั้นนรกจึงบังเกิดขึ้น 

       ท่านอาวุโสทั้งห้า มีความเสิยใจอย่างยิ่ง จึงได้ร่วมกันปรึกษา เพึ่อวางแผนรับธรรมญาณคืนถิ่นนิพพานบ้านเดิม อาวุโสทั้งห้าจึงจำเป็นต้องจุติลงมายังโลกด้วยตัวท่านเอง แยกกันไปคนละทิศทาง ต่างก็เป็นองค์ศาสดาของห้าศาสนา ( พุทธ คริสต์ อิสลาม เต๋า ปราชญ์) เผยแพร่พระศาสนาให้แก่ธรรมญาณเดิมเพื่อโปรดสัตว์ให้คืนถิ่น แต่ว่า ภายหลังองค์พระศาสดาเสด็จดับขันธ์ลงแล้ว พระสาวก(แต่ละศาสนาซึ่งแท้จริงเป็นธาตุแท้ธรรมญาณเดิมมาจากที่เดียวกัน)ก็ได้หลีกไกลจาก พระสูตรทำให้ผิด(ต่อ)ธรรมะ ทำให้ธรรมญาณเดิมอยู่ห่างไกลจากธรรมะ เกิดการกล่าวร้ายซึ่งกันและกัน กระทำสิ่งที่ผิดศีลผิดธรรม กระทบกระเทือนต่อฟ้า-ดิน ท่านอาวุโสพระแม่(ธาตุทอง) เศร้าเสิยใจที่ลูกไม่กลับคืนถิ่น ดังนั้นจึงมีรับสั่งให้นำพระสัทธรรมปกโปรดสู่โลก เพื่อกอบกู้ผู้คน(ธรรมญาณเดิม) สั่งสอน ปลอบเตือนลูกเกเร เพราะต้องการโปรดเวไนยสัตว์อย่างจริงจัง ดังนั้นทั้งสามภพถึงได้ประชุมกัน องค์ประธานทั้งสามภพจึงลงมติให้เปิดเผยสภาพทิวทัศน์ของสวรรค์ เพื่อการชักจูงเหล่าธรรมญาณ ให้กลับคืนสู่สวรรค์ินิพพานอันบรมสุข อันเป็นความตั้งใจของพระแม่(ธาตุทอง) หวังว่าชาวโลกเมื่อได้อ่านแล้ว จะกลับตัวกลับใจเข้าหาพระสัทธรรม จะได้กลับสู่สวรรค์ ธรรมญาณผนึกเข้ากัน กลับคืนสู่ไตรวิสุทธิ์เป็นเอกธาตุอีกครั้ง เสวยสุขนิจนิรันดร์




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น